ประวัติครูบาแว่น

ชีวประวัติ ครูบาแว่น พระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน วัดโคกหิน ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์

ชาติภูมิ: 

ครูบาแว่น พระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน นามเดิมชื่อเด็กชายอนุชา แถมจำรัส เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี2531 ปีมะโรง ที่บ้านเลขที่ 648 ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ โยมบิดาชื่อพ่อสนม แถมจำรัส โยมมารดาชื่อแม่บุญเทือง แถมจำรัส มีพื่น้องร่วมท้องเดียวกัน3คนดังนี้…

1.พระครูปล้ดอนุชา อาจารสัมปันโน(ครูบาแว่น)เป็นบุตรคนโต

2.นายสมศักดิ์ แถมจำรัส

3.เด็กชายชินกฤต แถมจำรัส

พระครูปล้ดอนุชา อาจารสัมปันโน(ครูบาแว่น)เมื่อครั้งเยาว์วัยท่านได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กๆโดยทั่วไปแต่มีอุปนิสัยต่างจากพี่น้องคือท่านมีความสนใจใผ่ทางธรรมมาตั้งแต่เด็ก ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าท่านเคยเล่นกันกับเพื่อนๆ โดยท่านก็จะเล่นเป็นพระอยู่ตลอดในสมัยเด็กท่านมีความคิดอยากจะบวชอยู่ตลอดเคยขออนุญาตกับโยมแม่ๆท่านก็บอกให้รอเรียนจบประถมศึกษาปีที่6เสียก่อนและในสมัยที่ท่านเป็นนักเรียนนั้นมีคุณครูวิชาภาษาไทยท่านหนึ่งได้ให้ทำกิจกรรมโดยให้นักเรียนวาดภาพความฝันในอนาคตอยากจะเป็นอะไรท่านก็ได้วาดภาพรูปพระสงฆ์และอธิบายให้คุณครูฟังว่าอนาคตท่านอยากจะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาและเมื่อท่านใด้เรียนจบการศึกษาประถมปีที่ 6 แล้วท่านก็ไปถามโยมแม่เรื่องบวช แต่โยมแม่ของท่านก็ปฎิเสธในการบวช เพราะเหตุว่าโยมแม่ของท่านเป็นห่วงท่านมากกลัวว่าท่านจะไปลำบากอยู่มาวันหนึ่งท่านก็ป่วยโดยไม่มีสาเหตุทั้งกินยาฉีดยาก็ไม่หายโยมแม่ของท่านมีความเชื่อเรื่องดูดวงชะตาท่านได้ให้หมอดูตรวจดูดวงชะตาให้หมอดูทักว่าให้ครูบาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ อาการป่วยก็จะหายเอง หลังจากต่อมาโยมแม่ของท่านจึงได้อนุญาตให้ท่านบวชเป็นสามเณรเพียงแค่แม่อนุญาตอาการป่วยก็ค่อยๆ ดีขึ้นจนหายสนิท ในขณะนั้นวัดใกล้บ้านมีการจัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูท่านก็ใด้ไปบวชในโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนวันที่ 1 เมษายน ปี2544 โดยมี”พระครูสิริพัชรคุณ”อดีดเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ อดีดเจ้าอาวาสวัดสว่างสามัคคี เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วก็อยู่อุปัถฐากรับใช้อยู่กับ”หลวงพ่อศรีนวล”ตลอดมาจนได้ศึกษาเล่าเรียน นักธรรม บาลี จนจบนักธรรมชั้นเอก หลังจากได้บวชเป็นสามเณรแล้วนอกจากการศึกษาทางด้านปริยัติธรรมแล้วยังมีความสนใจในด้านพุทธาคมอยู่แล้วจึงได้มีโอกาสขอคำแนะนำจากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ท่านก็เห็นถึงความตั้งใจจึงได้ให้คำแนะนำและมอบตำราให้ศึกษาด้วยและคอยจดจำจากหลวงพ่อศรีนวลด้วย จนเมื่อหลวงพ่อศรีนวลท่านได้อาพาธลงก็ยังคงดูแลอุปัฏฐากอย่างใกล้ชิดตลอดเพื่อเป็นการสนองคุณอาจารย์ท่าน เมื่อเสร็จโครงการท่านก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นสามเณรดีเด่นโดยได้รับใบประกาศกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อสีนวล(พระครูสิริพัชรคุณ) 

ออกแสวงหาความรู้:

ครูบาแว่น พระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน ก็ยังคงคิดแสวงหาครูบาอาจารย์อยู่ซึ่งในช่วงนั้นก็มีพระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือในขณะนั้นคือ“พระครูสมุห์เสาร์ จักกธัมโม”อดีดเจ้าอาวาสวัดสระกรวดธัญญาราม(ภายหลังท่านได้ลาสิกขาบทแล้ว)จึงได้เดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านท่านก็เมตตายินดีรับและถายทอดสัพพวิทยาต่างๆ ให้และทำการบวชธรรมบรรลุให้และได้มีโอกาสไปศึกษาเพิ่มเติมกับอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่งท่านบวชเป็นฤาษี ที่อำเภอกระนวน จ.ขอนแก่น ท่านชื่อ“อาจารย์ฤาษีธรรมแหล่”ท่านก็ได้เป็นผู้สวดยัติธรรมให้(ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว )หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้มีโอกาสเดินทางไปที่ บ้านตาเสก อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไปด้วยกันกับพระรูปหนึ่ง ได้ไปเพื่อจะไปศึกษาวิชาตามพระที่ไปด้วยแนะนำ ไปพักได้ไม่กี่วันพระที่ไปด้วยกันได้หนีกลับก่อน จึงเหลืออาตมาเพียงรูปเดียวและท่านก็บอกว่าไม่มีอะไรจะสอนให้ถ้าอยากได้จริงๆ ให้ไปหา อาจารย์รูปหนึ่งชื่อ“ญาครูเกษม”วัดบัวระพา อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ด้วยความที่ตั้งใจแล้วว่าจะต้องได้ของดีกลับไป จึงมุ่งหน้าไปตามที่หลวงพ่อทูน ท่านได้แนะนำ เดินทางไปแบบไม่รู้จักใครและไม่เคยไปมาก่อน ก่อนไปได้อธิฐานว่าหากมีวาสนาบารมีจะได้พบเจออาจารย์ดังกล่าวขอให้การเดินทางราบรื่น หลังจากเดินทางปรากฎว่าไม่มีอุปสรรคใดๆเลยแต่เมื่อมาถึงอำเภอกุมภวาปี แล้วปรากฏว่าเป็นช่วงเย็นหารถเข้าไปไม่ได้ ถ้าเดินระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโล จึงตัดสินใจว่าตั้งใจมาขนาดนี้แล้วถ้าไม่ได้เจออาจารย์ก็จะไม่ยอมกลับเด็ดขาด จนเดินเท้าไปได้น่าจะเกือบสามสี่กิโล พอดีมีรถชาวบ้านผ่านมาจึ่งขอติดรถไปลงที่ วัดดงมะไฟ ตามคำแนะนำของหลวงพ่อทูน เมื่อไปถึงวัดดงมะไฟแล้ว ปรากฎว่าไม่ใช้วัดที่ญาครูเกษมท่านอยู่ แต่เป็นอีกวัดหนึ่ง แต่พระที่นั้นท่านก็ให้การต้อนรับอย่างดี ท่านเล่าเรื่องของญาคูเกษมให้ฟัง จนทำให้ยิ่งอยากเจอท่าน จนพักได้วันที่สามจึงถามพระที่นั้นว่าวัดอาจารย์อยู่อีกไกลไหมและได้เดินทางออกจากวัดดงมะไฟ ไปที่(วัดห้วยบง)หรือวัดบัวระพา ที่พระอาจารย์ท่านจำพรรษาอยู่ แต่ไปถึงวัดไม่พบอาจารย์ โยมที่นั้นบอกท่านติดธุระ ก็ไม่รูจะพักที่ไหน เลยไปกางกลดใกล้ๆ เมรุเผาผีในวันอยู่ ปรากฎว่าถูกท่านทดสอบถึงสามวัน จนสุดท้ายท่านให้โยมมาตามไปหาที่กุฎิของท่าน…ท่านถามคำแรกว่าจะเอาอะไรอาตมาก็ตอบท่านไปว่าอยากได้ของที่อาจารย์มีทั้งหมด และท่านถามจะเอาไปทำอะไร อาตมาก็บอกท่านว่าจะเอาไปช่วยคนท่านก็ยินดีถ่ายทอดให้จนหมด โดยท่านจะให้มุ่งเน้นที่การฝึกกรรมฐานก่อนท่านบอกว่า“สิ่งที่สำคัญกว่าตัวคาถาคือกำลังจิต ขลังหรือไม่อยู่ที่จิตของเรา”นับแต่นั้นท่านก็ให้กรรมฐานและสอนวิชาตั้งธาตุหนุนธาตุ วิชาธรรมเก้าโกฎิ ธรรมสิบสองห้องและท่านได้พาไปต่อวิชากับอาจารย์ใหญ่“ปู่คำผวย วิบูลศิลป์”นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้ผึกฝน ผึกหัดต่างๆ จนชำนาญและได้ใช้วิชาต่างๆ สงเคราะห์ญาติโยมตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร เรื่อยมา จนถึงอายุครบบวช…

บรมครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทมอบสัพพวิชาให้ ครูบาแว่น พระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน มีดังนี้…

1.หลวงพ่อศรีนวล(พระครูสิริพัชรคุณ)อดีดเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ อดีดเจ้าอาวาส วัดสว่างสามัคคี อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ 

2.พระครูสมุห์เสาร์ จักกธัมโม”อดีดเจ้าอาวาส วัดสระกรวดธัญญาราม ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์

3.อาจารย์ฤาษีธรรมแหล่ อาจารย์ฆราวาสท่านบวชเป็นฤาษี ที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น

4.ญาครูเกษม(พระอธิการเกษม) วัดบัวระพา อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

5.ได้ต่อวิชากับอาจารย์ใหญ่  ปู่คำผวย วิบูลศิลป์ (อาจารย์ของญาครูเกษม) อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

อุปสมบทเป็นพระภิกษุ:

ได้ทำพิธีอุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์วันที่ 29 มิถุนายน ปี2551 ณ.พัทธสีมาวัดสว่างสามัคคี อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีพระมหาทวีป ธัมมิโก(พระครูสิริพัชรานุศาสน์)เปรียญธรรม 5 ประโยค(ป.ธ.5) เจ้าอาวาสวัดสว่างสามัคคี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสมุห์เสาร์ จักกธัมโม เจ้าอาวาสวัดสระกรวดธัญญาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการมานะ ถาวโร(พระครูถาวารพัชรโสภณ)เจ้าคณะอำเภอศรีเทพ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า“อาจารสัมปันโน”แปลว่า”ผู้สมบูรณ์ด้วยอาจาระ”

การศึกษา:

-ปี2544 สอบได้นักธรรมชั้นตรี

-ปี2545 สอบได้นักธรรมชั้นโท

-ปี2548 สอบได้นักธรรมชั้นเอก

-ปี2558 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค(ป.ธ.3)

-ปี2560 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค(ป.ธ.4)

ดำรงตำแหน่งและได้รับสมณศักดิ์:

-ปี2552 ดำรงตำแหน่งเป็น รักษาการเจ้าอาวาส วัดโคกหิน

-ปี2553 ดำรงตำแหน่งเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ

-ปี2559 ดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูวินัยธร

-ปี2561 ดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระครูปลัดชั้นราช ฐานานุกรมใน พระราชคุณาธาร

-ปี2561 ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส วัดโคกหิน องค์ที่สอง

ประวัติวัดโคกหิน(โดยสังเขป)

วัดโคกหิน ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ตั้งอยู่เลขที่ 282 บ้านโคกหิน หมู่ที่11 ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายมีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่จำนวน15ไร่ อาณาเขตทิศเหนือยาว5เส้นติดต่อกับที่ดินของนางบุญเลิศ  ชนะ ทิศใต้ยาว3เส้นติดต่อกับทางสาธารณะ ทิศตะวันออกยาว4เส้นเศษติดต่อกับที่ดินของนายประเสริฐ ชนะ ทิศตะวันตกยาว3เส้น16วาติดต่อกับที่ดินของนายวิเชียร ทองเจือ ตาม น.ส.3 เลขที่ 15/65 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งเป็นวัดนับตั้งแต่ วันที่23 พฤศจิกายน 2525 มีนามตามชื่อบ้าน ชาวบ้านและประชาชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดสร้างเริ่มตั้งแต่ปี2488 มีศาลาการเปรียญและกุฎีสงฆ์จำนวน2หลัง(เมื่อครั้งก่อตั้งวัด)นับตั้งแต่ตั้งวัดมายังไม่ปรากฎว่ามีการตั้งเจ้าอาวาสบางช่วงมีพระภิกษุและสามเณรจำพรรษาอยู่บ้างช่วงก็ไม่มีเลยจนถึงระหว่างปี2546-2552 ได้แต่งตั้งเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการขึ้นดังนี้…

-ปี2546-2552 แต่งตั้งพระอธิการสำลี เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก

-ปี2552-ถึงปัจจุบัน แต่งตั้งครูบาแว่น พระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สอง

จัดทำข้อมูลรวบรวมและเรียบเรียงโดย“เน็ด นาป่า”และชู พอ ” ไม่อนุญาตให้นำไปทำซ้ำหรือตีพิมพ์เพื่อการพาณิชย์…

**ขอกราบขอบพระคุณCr.ข้อมูลพระครูปลัดอนุชา อาจารสัมปันโน วัดโคกหิน  ต.สระกรวด  อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ มากๆ ครับ**